“ส่งออกไทย” โตสวนกระแสเศรษฐกิจโลก! สรท.แนะเร่งทำ FTA เพิ่ม ห่วงตลาดหลักยังไม่ฟื้น

เรื่องที่น่าสนใจ เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

อีกเพียง 2 เดือน ก็จะหมดปี 2565 ซึ่งนับว่า 2 เดือนสุดท้ายนั้น เป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมากกับตัวเลขการเติบโตทางเศรฐกิจของไทยในเรื่องของการส่งออก ภายใต้นานาปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกิดขึ้นในประเทศ และทั่วโลก

โดยเฉพาะการที่ “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ” หรือ “ไอเอ็มเอฟ” เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) โดยคาดว่าจะมีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ, การแพร่ระบาดของโควิด-19, การที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อเศรษฐกิจในทุกทวีป

ซึ่งก่อนหน้านี้ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 และ 2566 สู่ระดับ 3.2% และ 2.9%

ทั้งนี้ “นางคริสตาลินา จอร์เจียวา” ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ ได้ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะถดถอยในปีหน้า ขณะที่เงินเฟ้อยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน

ขณะที่ตัวเลขของการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะการส่งออกสินค้า กลับมีตัวเลขที่น่าสนใจ ซึ่งข้อมูลการส่งออกสินค้าทางเรือ นั้น “นายชัยชาญ เจริญสุข” ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ได้คาดการณ์ว่า การส่งออกของไทยปี 66 จะเติบโตได้ 2-5% โดยปัจจัยหลักคือต้องเฝ้าระวังเศรษฐกิจโลกหดตัวในปีหน้า ซึ่งมองว่าจะไม่มากไปกว่าไตรมาส 4/65, ติดตามค่าเงินบาทอ่อน โดยคาดว่าจะอ่อนค่าในระดับกลางประมาณ 36-38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ, ต้นทุนสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และค่าแรง อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง คาดอยู่ที่ระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สถานการณ์ค่าระวางก็มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในเส้นทางหลัก ส่วนปัญหาราคาวัตถุดิบผันผวน ถึงแม้ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์จะบรรเทาลงบ้าง แต่ยังจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

“ยังห่วงเรื่องการส่งออกในปีหน้า เพราะการส่งออกในปีนี้ปริมาณไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ราคาวัตถุดิบและราคาขายส่งเพิ่ม จึงเพิ่มราคาต่อหน่วย รวมๆ มองดูแล้วเศรษฐกิจของตลาดหลักยังชะลอตัว ต้องรอดูไตรมาส 4 ของปีนี้ว่าจะเป็นอย่างไร จึงประมาณการปีหน้าเบื้องต้นไว้ที่ 2-5% ก่อน จากการคำนวณรายสินค้า”

ส่วนทั้งปี 2565 คาดการส่งออกจะเติบโต 8% และมีโอกาสไปแตะ 9% ได้ หากไตรมาส 4 ปีนี้การส่งออกยังมีทิศทางที่เติบโตได้ต่อเนื่อง และไม่มีผลกระทบเพิ่มเติมมากกว่านี้ อย่างไรก็ดี ถ้าจะให้การส่งออกแตะถึง 10% ต้องอาศัยการเติบโตด้านเศรษฐกิจและการส่งออกมากกว่านี้ ซึ่งมองว่ากรณีนี้เป็นไปได้ปานกลางถึงน้อย ทั้งปีการส่งออกมีลักษณะพอเคลื่อนไปได้ เป็นไปได้สูงมากๆ ที่จะโต 8% และถ้าไตรมาส 4/65 โตประมาณ 5% ก็มีโอกาสที่ส่งออกทั้งปีจะโตแตะ 9% ได้

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอแนะที่สำคัญได้แก่ 1.เร่งดำเนินการความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่สำคัญ เช่น ไทย-ยุโรป, ไทย-อังกฤษ และตลาดรองอื่น เพื่อเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันภาคส่งออก และดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศในระยะยาว 2.ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อประคองการฟื้นตัวภาคธุรกิจ และไม่เป็นการซ้ำเติมรายจ่ายของผู้บริโภค และต้นทุนของผู้ประกอบการมากเกินไป 3.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายลำ (Transshipment) รวมถึงเร่งทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ชัดเจน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการรับส่งสินค้าของอาเซียน (ASEAN Logistic Hub) เพื่อดึงดูดเรือแม่เข้ามาให้บริการแบบขนส่งตรง (Direct Call) มากขึ้น ผู้ประกอบการไทยสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าระวางเรือให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งออกเดือนกันยายน 2565 มีมูลค่า 24,919.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (888,371 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 7.8 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 9.0 การส่งออกในเดือนกันยายนยังขยายตัวได้ดีจากสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของไทย เดือนกันยายน อยู่ที่ระดับ 55.7 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ กิจกรรมการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและคำสั่งซื้อใหม่ของสินค้าส่งออกของไทยฟื้นตัวได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง จากอุปทานชิปประมวลผลกลับเข้าสู่ภูมิภาคทำให้มีการเร่งผลิตเพื่อชดเชยการขาดแคลนในช่วงที่ผ่านมา

มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนกันยายน 2565 การส่งออก มีมูลค่า 24,919.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 7.8 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 25,772.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.6 ดุลการค้า ขาดดุล 853.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม – กันยายน) การส่งออก มีมูลค่า 221,366.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.6 การนำเข้า มีมูลค่า 236,351.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 20.7 ดุลการค้า ขาดดุล 14,984.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตัวเลขการส่งออกที่มาเปิดเผยในเวลานี้! มองดูผิวเผินเป็นตัวเลขที่บ่งบอกการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี!

แต่ก็อย่าประมาท เพราะอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้!!!