บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 6.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังคงได้รับแรงกดดันหลักจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และยังไม่รีบเร่งในการหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควร ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวกระตุ้นการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของเฟด (Terminal Rate) จะแตะระดับสูงสุดประมาณ 5.15% ภายในเดือนมิถุนายน 2023 นั่นทำให้ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้น แตะระดับ 113.15 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด ดีดตัวเหนือระดับ 4.745% แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.174% จนเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในกรอบกว่า 1 เดือนที่ 1,616.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากแรงซื้อ Buy the Dip นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการพักตัวของดัชนีดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 54.4 ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2563 จากระดับ 56.7 ในเดือน ก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.5 ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำฟื้นตัวลดช่วงติดลบ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -7.53 ตัน
สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงานของสหรัฐทั้งรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง, อัตราการว่างงาน และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร รวมไปถึงถ้อยแถลงของนางซูซาน คอลลินส์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด
คำแนะนำ เปิดสถานะขาย $1,651-1,669
จุดทำกำไร ซื้อเพื่อทำกำไร $1,617-1,614
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,669